วิธีเลือกพื้น PU ให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละประเภท

แนะเทคนิคการเลือกใช้พื้น PU และวิธีการดูแลพื้น PU ให้ใช้ไปได้นานๆ

พื้น PU (พื้นพียู) นอกจากจะมีส่วนช่วยทำให้พื้นบ้านพื้นอาคาร สวย เรียบ ไม่มีรอยต่อ ไม่มีฝุ่น ทำความสะอาดง่ายขึ้นแล้ว พื้นชนิดนี้ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงงานที่ต้องการได้รับการรับรองและผ่านมาตรฐาน ISO GMP, HACCP รวมไปถึงการขออนุญาต อย. เพราะพื้นชนิดนี้มีความปลอดภัยสูง ไม่เกิดไฟฟ้าสถิต ทนทานต่อเชื้อโรคและเชื้อรา สารเคมีต่าง ๆ เช่น สารเคมีที่ความเป็นกรด ด่าง น้ำมัน ทินเนอร์ ตัวทำละลายหลายประเภท ไปจนถึงแรงกดทับมหาศาล

ด้วยเหตุนี้พื้น PU จึงเหมาะมากสำหรับพื้นที่ในโรงงานอิเล็คทรอนิกส์ โกดังสินค้า โชว์รูม ไปจนถึงที่จอดรถ โดยเฉพาะระบบมาตรฐานและกระบวนการผลิต หรือเงื่อนไขของการทำงาน ที่จะได้รับการรับรอง จาก ISO HACCP GMP

เพียงแค่เบื้องต้นก็คงจะเห็นคุณประโยชน์และความสำคัญของพื้น PU กันมาบ้างแล้ว โดยในบทความนี้ KPI-Advance จึงขอพาผู้อ่านทุกท่านไปเจาะลึกข้อมูลของพื้น PU ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่คุณจะได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการทำพื้นชนิดนี้ในอนาคตได้

พื้น PU คืออะไร มีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานประเภทไหน

พื้น PU หรือ โพลียูรีเทน (Polyurethane) Polyurethane Concrete จัดว่าเป็นวัสดุเคลือบพื้น ที่ออกแบบมาสำหรับปกป้องผิวคอนกรีต จากการทำลายของน้ำ ความชื้น กรด-ด่าง และสารเคมีต่าง ๆ ด้วยคุณสมบัติเฉพาะของ PU ที่แข็งและเหมือนกับคอนกรีต มีความทนทาน รวมถึงมีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ เช่น สามารถให้ความชื้นไหลผ่านตัวฟิล์มสีได้ จุดนี้ถือเป็นจุดเด่นของพื้น PU เพราะมันจะไม่ทำให้เกิดการบวมนั่นเอง

พื้น PU นวัตกรรมสำหรับการเคลือบผิวที่มีประสิทธิภาพสูง

โพลียูรีเทนมักใช้เป็นสารเคลือบเพื่อปกป้องพื้นผิวจากการสึกหรอ สามารถทำได้ทั้งแบบสีใสหรือมีสี มีแบบชนิดผิวเรียบและผิวหยาบ และมีให้เลือกทั้งแบบมันเงาและแบบด้าน พื้น PU มีความทนทานและกันน้ำได้เป็นอย่างดี ไม่น่าแปลกใจที่ทำไม PU ถึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับงานพื้น

นอกจากนี้ พื้น PU ยังมีความยืดหยุ่นมาก จึงสามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี เหมาะกับการทำพื้นในห้องเย็นจัด หรือร้อนจัด ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในงานพื้นต่างๆ เช่น ทำที่จอดรถ การปูพื้นในงานอุตสาหกรรม ร้านอาหาร หรืออุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น

คุณสมบัติเด่นของ พื้น PU

• เรียบ ไร้รอยต่อ และทำความสะอาดง่าย
• ป้องกันน้ำหรือน้ำมันซึมผ่านได้ดี
• ป้องกันการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ
• ป้องกันการเกิดฝุ่นละออง
• ป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย
• ทนต่ออุณหภูมิร้อนและเย็นได้เป็นอย่างดี
• ทนต่อความชื้นได้ดี และไม่ทำให้เกิดการบวม โป่ง หรือพอง
• ทนต่อเเสงแดดและสามารถใช้งานภายนอกอาคารได้

พื้น PU แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานด้านใดบ้าง

พื้น PU สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท นิยมแบ่งตามความหน้าของชั้นฟิล์มสี ดังนี้

1. พื้น PU coating (พื้น พียูแบบกลิ้ง)
   พื้น PU coating จัดเป็นรูปแบบของพื้นพียูที่มีราคาถูกที่สุด นิยมใช้งานกับพื้นที่กลางแจ้ง เพราะมีความทนทานต่อแส่ง UV สีไม่ซีดสามารถเลือกทั้งผิวด้านและผิวเงา นอกจากนี้ยังมีความหนาในระดับไมครอน (Micron) อีกด้วย
   
   
2. พื้น PU-LF หรือพื้นพียูแบบบาง
   ถัดมาคือประเภทพื้น PU แบบบาง พื้นชนิดนี้จะมีความหนาประมาณ 1.5-2 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับนำไปปูเป็นพื้นโรงงานอุตสาหกรรมผลิตยา ห้อง Clean Room หรือห้องทดลอง เนื่องจากพื้น PU แบบบางมีคุณสมบัติทนต่อความเป็นกรด ด่าง ตัวทำละลายทินเนอร์ รวมถึงความชื้น ในเรื่องของราคาก็ถือว่าถูกที่สุดในบรรดาประเภทของพื้นพียูทั้งหมด
   
   
3. พื้น PU-MF หรือพื้นพียูแบบปานกลาง
   สำหรับพื้น PU แบบปานกลางจะมีความหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร เหมาะนำไปปูพื้นโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร เครื่องดื่ม โดยมีคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ ทนต่อรอยขีดข่วน การกระแทก รวมถึงการใช้งานหนัก ๆ และยังทนต่อความชื้น รวมถึงสารเคมีเช่นเดียวกับพื้นพียูรูปแบบอื่นเช่นกัน
   
   
4. พื้น PU แบบหนา
   ลำดับต่อมาคือ พื้น PU แบบหนา มีระดับความหนาอยู่ที่ 5-10 มิลลิเมตร พื้นประเภทนี้เหมาะสำหรับการนำไปปูพื้นพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก ต้องรับน้ำหนักสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมผลิตเคมี อาหาร เครื่องดื่ม ยา เครื่องสำอาง ลานสำหรับโหลดสินค้า พื้นบริเวณแท่นสำหรับวางเครื่องจักร คุณสมบัติที่เป็นจุดเด่นของพื้นประเภทนี้คือ สามารถรองรับน้ำหนักมาก ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น รถโฟลค์ลิฟท์ที่มีน้ำหนัก 5 ตันขึ้นไป และยังมีความทนทานต่อการขีดข่วน การกระแทก สามารถใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพื้นพียูแบบหนาจะมีอายุการใช้งานนานกว่า 5 ปี

วิธีดูแลทำความสะอาดพื้น PU

เพื่อยืดอายุการใช้งานพื้น PU ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ควรมีการดูแลและทำความสะอาดพื้นอยู่เป็นประจำ เพราะคราบสกปรกต่าง ๆ ที่ฝังลึกอาจส่งผลต่อการใช้งานได้

ก่อนที่จะทำความสะอาดพื้น PU ควรมีขั้นตอนทำการทดสอบน้ำยาทำความสะอาดบนพื้นผิวเล็ก ๆ ก่อน พร้อมกับทดลองใช้เครื่องมือทำความสะอาด โดยควรทำเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยวิธีทำความสะอาดที่นิยมใช้นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี ดังนี้

1. ทำความสะอาดด้วยกำลังคน โดยการใช้แปรงพร้อมกับน้ำยาทำความสะอาด ขัดบนพื้นผิว วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดบนพื้นผิวได้ในระดับหนึ่ง
   
   
2. ทำความสะอาดโดยใช้เครื่องมือพลังงานไฟฟ้า เช่น เครื่องพ่นน้ำเเรงดันสูง เครื่องขัดพื้นผิว มาขัดผิวพื้น PU ซึ่งวิธีนี้จะทำความสะอาดได้ถึงเนื้อในเลยทีเดียว

เคล็ดลับในการทำความสะอาดพื้น PU

• ควรทำเป็นประจำและต่อเนื่อง
• ในบริเวณที่มีการใช้งานหนักหรือใช้งานบ่อย อาจต้องทำความสะอาดให้ถี่กว่าบริเวณที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน
• หากมีสารเคมีตกหล่นบนพื้น ควรรีบเช็ดทำความสะอาดทันที
• ห้ามมิให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดเพียวๆ โดยไม่เจือจางเสียก่อน
• อ่านวิธีใช้น้ำยาทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง

การเลือกใช้พื้นให้ถูกประเภทกับงานนอกจากจะช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้นอีกด้วย หากธุรกิจของคุณมีคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการใช้งานพื้น PU ทางบริษัทผู้ให้บริการรับทำพื้นพียูและติดตั้งเคมีภัณฑ์ก่อสร้างในโรงงานอุตสาหกรรมอย่าง KPI Advance เราก็พร้อมให้บริการ รับทำพื้น PU ราคาคุ้มคุณภาพ รับประกันผลงานและความพึงพอใจด้วยประสบการณ์ในการรับทำพื้นที่ยาวนานหลายสิบปี ทั้งพื้นบ้าน โรงจอดรถ คอนโด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า โกดังเก็บสินค้า ฯลฯ มีทีมผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำและคำปรึกษาตั้งแต่การเลือกใช้พื้นและวัสดุที่เหมาะกับงานของคุณอย่างแท้จริง

หากต้องการใช้บริการหรือศึกษาบริการเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่
Tel : 0958787888 , 0991797999 , 020055551
Line : @epoxy.kpi , kpi788m
Facebook : https://www.facebook.com/KPI.advanceprecision/
Email : kpi.sales01@gmail.com
Website : https://www.kpi-advance.co.th